ผู้ว่าการเฟดเตือนธนาคารไม่ควรกังวลเกี่ยวกับ DeFi

คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) กล่าวสุนทรพจน์ในงาน Wyoming Blockchain Symposium เมื่อวันพุธ โดยเรียกร้องให้ผู้บริหารธนาคารและผู้กำหนดนโยบายยอมรับนวัตกรรมการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) และสเตเบิลคอยน์ เขากล่าวว่า “ไม่มีอะไรต้องกลัว” เมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นวิธีใหม่ในการโอนมูลค่าและบันทึกธุรกรรม โดยเปรียบเทียบกับการใช้บัตรเดบิตในชีวิตประจำวัน วอลเลอร์เน้นว่าสัญญาอัจฉริยะและสินทรัพย์ที่ถูกโทเค็นนั้นเป็นเพียงการพัฒนาของกระบวนการชำระเงินที่คุ้นเคย

สุนทรพจน์ของวอลเลอร์สรุปการเปลี่ยนแปลงนโยบายล่าสุดของธนาคารกลางที่มุ่งไปยังคริปโต ในเดือนเมษายน ทาง Fed ได้ถอนคำแนะนำปี 2022 ที่ไม่สนับสนุนให้ธนาคารมีส่วนร่วมในกิจกรรมสเตเบิลคอยน์และคริปโต เขาได้กล่าวถึงการสิ้นสุดของ “โครงการกำกับดูแลกิจกรรมใหม่” ซึ่งเคยมีการตรวจสอบกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ รองประธาน Fed ฝ่ายกำกับดูแล Michelle Bowman ยังสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่สามารถถือสินทรัพย์คริปโตขนาดเล็กเพื่อเข้าใจเทคโนโลยีได้ดีขึ้น การพัฒนาเหล่านี้ วอลเลอร์เห็นว่าเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนจากความระมัดระวังไปสู่การมีส่วนร่วมเชิงสร้างสรรค์กับสินทรัพย์ดิจิทัล

ผู้ว่าการเน้นถึงพระราชบัญญัติ Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins (GENIUS) ว่าเป็นก้าวสำคัญทางกฎหมาย ซึ่งได้ลงนามเป็นกฎหมายเมื่อต้นปีนี้ พระราชบัญญัตินี้กำหนดข้อกำหนดการสำรองและการปฏิบัติตามกฎระเบียบสำหรับผู้ที่ออกสเตเบิลคอยน์ เพิ่มการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมเสถียรภาพของตลาด วอลเลอร์กล่าวว่าพระราชบัญญัตินี้เป็น “ก้าวสำคัญ” ที่จะปลดล็อกศักยภาพเต็มที่ของสเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงและในภูมิภาคที่เข้าถึงเงินดอลลาร์จริงได้ยาก

วอลเลอร์ยังคาดการณ์บทบาทในอนาคตของตนเอง โดยกล่าวว่าท่าทีสนับสนุนคริปโตของเขาทำให้เขาเป็นผู้สมัครหลักที่จะสืบทอดตำแหน่งประธาน Fed ต่อจากเจอโรม พาวเวลล์ ในเดือนพฤษภาคม 2026 เขาแสดงความคิดเห็นว่าความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่มากขึ้นและนวัตกรรมสามารถเสริมบทบาทของดอลลาร์สหรัฐในระดับโลก โดยที่สเตเบิลคอยน์จะทำหน้าที่เสริมโครงการสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) เขายกข้อมูลคาดการณ์ของกระทรวงการคลังที่ชี้ว่าตลาดสเตเบิลคอยน์จะเติบโตจาก 280 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบันเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 โดยมีแรงหนุนจากการรวมระบบกับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินทั้งบนเชนและนอกเชน

ปิดท้าย วอลเลอร์สนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาคธนาคารเอกชนและผู้กำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาโครงสร้างเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง เขาเปรียบการซื้อ meme coin กับสเตเบิลคอยน์เหมือนกับการแตะบัตรเดบิตเพื่อซื้อแอปเปิลที่ร้านขายของชำ โดยเน้นความเทียบเท่าทางฟังก์ชัน ด้วยการสนับสนุนแนวทางที่รอบคอบและเป็นมิตรกับนวัตกรรม วอลเลอร์ได้แสดงสัญญาณว่าธนาคารกลางพร้อมที่จะชี้นำและกำกับดูแลช่วงต่อไปของวิวัฒนาการเทคโนโลยีทางการเงิน โดยสร้างสมดุลระหว่างการจัดการความเสี่ยงและโอกาสเติบโตในระบบนิเวศคริปโต